วันเสาร์ที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2558

ของฝากจากปัตตานี


ของฝากจากปัตตานี



ลูกหยี
        เนื่องจากอำเภอยะรังเป็นอำเภอเดียวของจังหวัดที่มีต้นหยีมาก และลูกหยีก็เป็นผลไม้ที่มีรสชาดอร่อยจึงนำมา
ปรุงแต่งรสชาติให้น่ารับประทานเพิ่มขึ้น โดยการฉาบน้ำตาล เกลือ พริก ซึ่งเรียกว่าลูกหยีทรงเครื่อง มีรสอร่อยรวม 4 รส คือ เปรี้ยว หวาน เค็ม และเผ็ด นิยมรับประทานเป็นอาหารว่าง มีการจำหน่ายเป็นกิโลกรัม ตามแต่ลูกค้าต้องการทั้งขายส่ง/ขายปลีก และมีทั้งการบรรจุจำหน่ายราคาตามปริมาณ หรือขนาดของถุง (เล็ก-ใหญ่) ปัจจุบันมีการส่งไปจำหน่ายที่ประเทศมาเลเซีย
        นายตนหยก ภูมิสิริรัฐ(แซ่พู่) เป็นชาวจีนโดยกำเนิด เข้ามาตั้งถิ่นฐานอยู่ในอำเภอยะรังก่อนสงครามมหาเอเชียบูรพาเป็นต้นตำรับลูกหยีสำเร็จรูป
จากยะรัง จังหวัดปัตตานี การคิดค้นสูตรในการทำลูกหยีฉาบ ลูกหยีทรงเครื่อง ลูกหยีกวนจนเป็นผลสำเร็จได้รสชาดเป็นที่ติดใจในนาม "ลูกหยีแม่เลื่อน" ซึ่งเป็นชื่อของภรรยา ถือเป็นหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ (one Tambon one Product) ของลูกหยีวีระวงศ์ สี่แยกยะรัง ตำบลยะรัง อำเภอยะรัง จังหวัดปัตตานี และหมู่ 6 ต.สะดาวา อำเภอยะรัง จังหวัดปัตตานี top

                                
        

        ประเภท : อาหาร เดิมทีลูกหยีนั้นจะมีรสเปรี้ยว กลุ่มแม่บ้านนั้นจึงได้มีการนำลูกหยีนั้นมาแปรรูป และทำให้มีรสชาดที่มีความอร่อยเพิ่มมากขึ้น ทำให้รสเปรี้ยวนั้นลดน้อยลง ทางกลุ่มนั้นได้มีการที่พัฒนารูปแบบผลิตภัณฑ์ และจนได้ลูกหยีสามรส ที่ประกอบไปด้วย รสเปรี้ยว หวาน และเผ็ดเล็กน้อย นับได้ว่าเป็นรสชาดที่อร่อยเป็นอย่างมากเลยทีเดียว
        จุดเด่นของสินค้า
 เป็นผลิตภัณท์ที่มีวิตามินซีสูง รสชาดอร่อย สะอาดถูกหลักอนามัย






ผ้าบาติก



            ผ้าบาติก (BatiK) ผ้าชนิดนี้จะใช้เทคนิคในการลงเทียน หรือขี้ผึ้งลงบนผืนผ้า แล้วนำไปย้อมสี จากนั้นนำมาต้มเพื่อเอาขี้ผึ้งออก ตำแหน่งที่เคยปิดทับด้วยขี้ผึ้งมาก่อนสีจะไม่ติด เกิดเป็นลวดลายสีขาวขึ้นมาในตำแหน่งนั้น จะเพิ่มสีสันอื่นๆ เข้าไปหรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับความต้องการหรือกรรมวิธีพิเศษของช่างผู้ผลิต เทคนิคการลงขี้ผึ้งนี้ในภาษาอินโดนีเซีย(ชวา) จะเรียกว่า "BATIK" ผ้าที่เกิดลวดลายขึ้นในผืนผ้าด้วยเทคนิคอันนี้จึงเรียกขานกันว่า ผ้าบาติก หรือ ผ้าบาเต๊ะ หรือ ผ้าปาเต๊ะ ซึ่งเป็นชื่อผ้าที่ใช้เทคนิคของการผลิตนำมาตั้งชื่อ และผ้าชนิดนี้เป็นผ้าชนิดเดียวกับที่เรียกกันในสมัยโบราณว่า ผ้ายาวา หรือผ้ายาวอ ซึ่งมี แหล่งผลิตที่สำคัญอยู่ในเกาะชวา
เป็นหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ (one Tambon one Product) ของตำบลดาโต๊ะ อำเภอหนองจิก ,ตำบลตะโละดือรามัน
อำเภอกะพ้อ ตำบลปะเสยะวอ อำเภอสายบุรี ,ตำบลปิตูมุดี อำเภอยะรัง ,ตำบลบาราโหม อำเภอเมือง และตำบลลุโบะยิไร
อำเภอมายอ จังหวัดปัตตานี



        ผ้าบาติกหรือผ้าปาเต๊ะ เป็นวิธีการเรียกผ้าชนิดหนึ่งที่มีวิธีการทำโดยใช้เทียนปิดส่วนที่ไม่ต้องการให้ติดสี และใช้วิธีการแต้ม ระบาย หรือย้อมในส่วนที่ต้องการให้ติดสี ผ้าบาติกบางชิ้นอาจจะผ่านขั้นตอนการปิดเทียน แต้มสี ระบายสีและย้อมสีนับเป็นสิบๆ ครั้ง ส่วนผ้าบาติกอย่างง่ายอาจทำโดยการเขียนเทียนหรือพิมพ์เทียน แล้วจึงนำไปย้อมสีที่ต้องการ
คำว่า บาติก (Batik) หรือปาเต๊ะ เดิมเป็นคำในภาษาชวาใช้เรียกผ้าที่มีลวดลายเป็นจุด คำว่า “ติก” มีความหายว่า เล็กน้อย หรือจุดเล็กๆ มีความหมายเช่นเดียวกับคำว่า ตริติก หรือตาริติก ดังนั้น คำว่า บาติก จึงมีความหมายว่าเป็นผ้าที่มีลวดลายเป็นจุด ๆ ด่างๆ

    แหล่งกำเนิด
        แหล่งกำเนิดของผ้าบาติกมาจากไหนยังไม่เป็นที่ยุติ นักวิชาการชาวยุโรปหลายคนเชื่อว่ามีในอินเดียก่อน แล้วจึงแพร่หลายเข้าไปในอินโดนีเซีย อีกหลายคนว่ามาจากอียิปต์หรือเปอร์เซีย
แม้ว่าจะได้มีการค้นพบผ้าบาติกที่มีอายุเก่าแก่ในประเทศอื่นๆ ทั้งอียิปต์ อินเดีย และญี่ปุ่น แต่บางคนก็ยังเชื่อว่า ผ้าบาติกเป็นของดั้งเดิมของอินโดนีเซีย และยืนยันว่าศัพท์เฉพาะที่เรียกวิธีการและขั้นตอนในการทำผ้าบาติก เป็นศัพท์ภาษาอินโดนีเซีย สีที่ใช้ย้อมกันก็มาจากพืชที่มีในอินโดนีเซียสูงกว่าที่ทำกันในอินโดนีเซีย และจากการศึกษาค้นคว้าของ N.J.Kron นักประวัติศาสตร์ชาวดัตซ์ก็สรุปว่าไว้ว่า การทำโสร่งบาติกหรือโสร่งปาเต๊ะ เป็นวัฒนธรรมดั้งเดิมของเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ก่อนติดต่อกันอินเดีย
จากการศึกษาของบุคคลต่างๆ อาจกล่าวได้ว่า วิธีการทำผ้าบาติกของอินโดนีเซียได้รับการเผยแพร่ไปยังชาติอื่นๆ ส่วนการทำผ้าโสร่งบาติกนั้น คงมีกำเนิดจากอินโดนีเซียค่อนข้างแน่นอน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น